องค์ประกอบของดนตรีไทย
1. เสียงของดนตรีไทย ประกอบด้วยระดับเสียง 7 เสียง แต่ละเสียงมีช่วงห่างเท่ากันทุกเสียง เสียงดนตรีไทย
แต่ละเสียงเรียกชื่อแตกต่างกันไป ในดนตรีไทยเรียกระดับเสียงว่า “ทาง”
2. จังหวะของดนตรีไทย “จังหวะ” มีความหมายถึงมาตราส่วนของระบบดนตรีที่ดำเนินไปในช่วงของการบรรเลงเพลงอย่างสม่ำเสมอ
เป็นตัวกำหนดให้ผู้บรรเลงจะต้องใช้เป็นหลักในการบรรเลงเพลง
จังหวะของดนตรีไทยจำแนกได้ 3 ประเภท คือ .
1. จังหวะสามัญ
หมายถึงจังหวะทั่วไปที่นักดนตรียึดเป็นหลักสำคัญในการบรรเลงและขับร้องโดยปกติจังหวะสามัญที่ใช้กันในวงดนตรีจะมี 3 ระดับ คือ
จังหวะช้า
ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ
สามชั้น
จังหวะปานกลาง
ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ
สองชั้น
จังหวะเร็ว
ใช้กับเพลงที่มีอัตราจังหวะ
ชั้นเดียว
2. จังหวะฉิ่ง
หมายถึง จังหวะที่ใช้ฉิ่งเป็นหลักในการตี
โดยปกติจังหวะฉิ่งจะตี “ฉิ่ง…ฉับ” สลับกันไป
ตลอดทั้งเพลง แต่จะมีเพลงบางประเภทตีเฉพาะ “ฉิ่ง” ตลอดเพลง บางเพลงตี “ฉิ่ง ฉิ่ง
ฉับ” ตลอดทั้งเพลง
หรืออาจจะตีแบบอื่นๆ ก็ได้ จังหวะฉิ่งนี้นักฟังเพลงจะใช้เป็นแนวในการพิจารณาว่าช่วงใดเป็นอัตราจังหวะ
สามชั้น สองชั้น หรือ ชั้นเดียวก็ได้
เพราะฉิ่งจะตีเพลงสามชั้นให้มีช่วงห่างตามอัตราจังหวะของเพลง หรือ ตีเร็วกระชั้นจังหวะ ในเพลงชั้นเดียว
3. จังหวะหน้าทับ
หมายถึงเกณฑ์การนับจังหวะที่ใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีประเภทหนังซึ่งเลียนเสียงการตีมาจาก
“ทับ”
เป็นเครื่องกำหนดจังหวะ เครื่องดนตรีเหล่านี้ได้แก่ ตะโพน กลองแขก
สองหน้า โทน - รำมะนา หน้าทับ
3. ทำนองดนตรีไทย
คือลักษณะทำนองเพลงที่มีเสียงสูงๆ ต่ำๆ สั้นๆ ยาวๆ สลับ คละเคล้ากันไป
ตามจินตนาการของคีตกวีที่ประพันธ์ บทเพลง
ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ เหมือนกันทุกชาติภาษา
จะมีความแตกต่างกันตรงลักษณะประจำชาติที่มีพื้นฐานทางสังคม วัฒนธรรม ไม่เหมือนกัน
เช่น เพลงของอเมริกัน อินโดนีเซีย อินเดีย จีน ไทย
ย่อมมีโครงสร้างของทำนองที่แตกต่างกัน ทำนองของดนตรีไทยประกอบด้วยระบบของเสียง
การเคลื่อนที่ของเสียง ความยาว ความกว้างของเสียง
และระบบหลักเสียงเช่นเดียวกับทำนองเพลงทั่วโลก
1. ทำนองทางร้อง เป็นทำนองที่ประดิษฐ์เอื้อนไปตามทำนองบรรเลงของเครื่องดนตรี
และมีบทร้องซึ่งเป็นบทร้อยกรอง
ทำนองทางร้องคลอเคล้าไปกับทำนองทางรับหรือร้องอิสระได้
การร้องนี้ต้องถือทำนองเป็นสำคัญ
2. ทำนองการบรรเลง
หรือทางรับ เป็นการบรรเลงของเครื่องดนตรีในวงดนตรี ซึ่งคีตกวีแต่งทำนองไว้สำหรับบรรเลง
ทำนองหลักเรียกลูกฆ้อง “Basic Melody” เดิมนิยมแต่งจากลูกฆ้องของฆ้องวงใหญ่
และแปรทางเป็นทางของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ดนตรีไทยนิยมบรรเลงเพลงในแต่ละท่อน 2 ครั้งซ้ำกัน
ภายหลังได้มีการแต่งทำนองเพิ่มใช้บรรเลงในเที่ยวที่สองแตกต่างไปจากเที่ยวแรกเรียกว่า
“ทางเปลี่ยน”
4. การประสานเสียง
หมายถึง การทำเสียงดนตรีพร้อมกัน 2 เสียง
พร้อมกันเป็นคู่ขนานหรือเหลื่อมล้ำกันตามลีลาเพลงก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น